เวลาหลายศตวรรษแล้วที่ตู้คอนเทนเนอร์ที่เต็มไปด้วยขยะและของเสียจากสหรัฐฯถูกส่งไปรีไซเคิลที่จีน ตอนนี้อุตสาหกรรมขนาด 5 พันล้านเหรียญนี้มีความเสี่ยงสูงว่าจะถึงจุดจบ! ในงาน WTO (World Trade Organisation) ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางปักกิ่งได้ประกาศว่ามีแผนจะแบนการนำเข้าของเสียจากสหรัฐฯถึง 24 ชนิดด้วยกัน ซึ่งรวมถึงเศษทั่วไปอย่างพลาสติก, กระดาษ, ยาง, ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์, และโลหะด้วย โดยจะเริ่มมีผลในเดือนกันยายนนี้ ทางบริษัทรีไซเคิลทางฝั่งสหรัฐฯก็ตระหนกตกใจไปตามๆกัน และคาดการณ์กันว่าในระยะสั้น การส่งออกไปจีนโดยรวมจะดรอปลงอย่างรุนแรง อีกปัญหาที่จะตามมาจากนโยบายนี้คือการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯ เนื่องจากการส่งออกของเสียไปจีนนั้น ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 6 ของการส่งออกไปจีนทั้งหมด การนำเข้า-ส่งออกของสองประเทศเป็นแบบนี้: จีนส่งของใส่ตู้คอนเทนเนอร์มาลงที่ท่าเรือสหรัฐฯเยอะมาก แต่สหรัฐฯแทบไม่มีของส่งกลับไปเลย ทำให้ทางบริษัทชิปปิ้งต้องลดราคาตู้กันกระหน่ำเพื่อให้อย่างน้อยไม่ต้องส่งตู้เปล่าๆกลับไปที่ท่าเรือจีน ทางผู้ส่งออกของเสียต่างๆก็ใช้ประโยชน์จากตู้ค้างท่าเหล่านี้ ขายเศษขยะให้จีนในราคาถูก จะถูกขนาดไหนให้เทียบว่า ขนาดค่าส่งของทางรถไฟจากลอสแองเจิลลิสไปชิคาโกยังแพงกว่าอีก จีนยังบอกอีกว่าที่ต้องแบนน่ะ เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมล้วนๆ ก็ของเสียที่สหรัฐฯส่งไปมักมีของเสียอันตรายปนเปื้อนอยู่ด้วย ทำให้มลพิษไปตกอยู่ที่จีนแทน อีกฝ่ายก็แย้งมาว่า จริงๆแล้วของที่จีนนำเข้าปนเปื้อนน้อยกว่าของในประเทศจีนเองเสียอีก ถ้าแบนการนำเข้าเมื่อไหร่ บริษัทแยกขยะจำนวนไม่น้อยในจีนจะต้องปิดตัวลง ยิ่งทำให้ของเสียต้องถูกกำจัดด้วยวิธีเผา ไม่ก็ฝัง ซึ่งมลพิษและจำนวนขยะในระยะยาวจะเป็นผลเสียแน่นอน อย่างไรก็ดี ตอนนี้ทางบริษัทรีไซเคิลในจีนเริ่มยกเลิกออร์เดอร์ของเสียจากสหรัฐฯแล้วโดยไม่เปิดออร์เดอร์ใหม่ ส่วนบางเจ้าที่ส่งมาแล้วก็โดนทิ้งตู้ไว้ที่ท่าเรือ